Saturday, February 05, 2005

เดือนที่รอ .. พ.ศ.ที่คิดถึง ..


01
วันนี้ผ่านวินรถตู้แถวน้อมจิตต์ คนรอรถตู้ไปสายใต้เยอะมาก
สงสัยเป็นเพราะพรุ่งนี้มีเลือกตั้งแน่ๆเลย ดีๆ คนตื่นตัวไปใช้สิทธิ์กันมากมาย

02
ลืมกุญแจบ้านอีกแล้ววุ้ย ! ครั้งนี้ต้องปีนประตูบ้านเป็นครั้งที่แปดร้อยได้แล้วมั๊ง
นับวันยิ่งรู้สึกว่าปีนประตูบ้านได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เหอ เหอ ว่างๆว่าจะลองจับเวลาดู
การปีนประตูบ้านในกรณีที่บ้านเป็นทาวเฮาส์จะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ก็คือ ควรปีนเบาๆ อย่าเสียงดังมาก เดี๋ยวข้างบ้านจะออกมาดู
มันอาจจะไม่ผิดกฎหมายที่เจ้าของบ้านปีนประตูบ้านตัวเอง
แต่มันก็อาจเสียเซ้วล์อยู่บ้าง เวลาที่หันหลังไปอีกที อ่าว โหวว มีกำลังใจเต็มเลย
อืม .. นะ .. หึ หึ หึ ไม่รู้จะพูดอะไร .. " สวัสดีค่าาา ^__,*! "

03
เช่ามนต์รักทรานซิสเตอร์มาดู .. เพราะประทับใจคำบนแผ่น
.. เดือนที่รอ พ.ศ.ที่คิดถึง ..

แล้วก็เช่าชัตเตอร์มาดู เพราะอยากให้แม่ดู
แล้วก็พี่สั่ง ให้เช่าเรื่องนี้มาให้แม่ดู
ว่าจะเปิดฉายพรุ่งนี้ .. โหะ โหะ
แม่ คือสาวแกร่ง ที่ไม่กลัวเรื่องผี แต่ก็ไม่ลบหลู่
แม่บอกว่าสมัยตอนเด็กๆ จะชอบฟังรายการวิทยุ"ขบวนการลูกนกฮูก"
(เอ่อ ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ อะไรนกฮูกๆนี่ล่ะ เด๋วถามแม่อีกที)
ตอนดึกๆ ฟังคนเดียว .... โหวว แม่เปรี้ยวมาก!!
รายการนี้จำได้ว่ายังได้ทันฟังตอนเด็กๆ
ใช้วิทยุยี่ห้อธานินท์ ดูบึกบึน ทนทาน ของย่ามาฟังกะพี่
แต่ไม่ได้ฟังกันสองคน ..
เราตั้งวิทยุกันกลางบ้าน ในบรรยากาศที่สว่างโล่ แม้จะเป็นตอนกลางคืนก็ตาม
เปิดไฟทุกดวงที่มี คนเดินพลุกพล่าน โหะ โหะ .. คืนนั้นจึงไม่หลอนเลย
อ้อ! มีอีกคน ฟังเรื่องผีแล้วยังปิดไฟฟังคนเดียวอีก .. ก็คือ พี่บอมบ์นั่นเอง
รายนี้ .. นับถือว่าเป็นคนเปรี้ยวอีกหนึ่งคน .. เปรี้ยวโคตร !!
วันดี คืนดี มีส่งเพลงมาให้ ไอ้เราก็เปิดรับ ที่แท้ .. เพลงผีฟ้า ..
ก็ไม่ได้อะไรมากมาย แค่รีบปิดทันทีที่ขึ้นอินโทร ไม่ได้กลัว
แค่สะพรึง สะหยอง และเสียวสันหลัง ก็เท่านั้น หึ หึ หึ

04
อยากดูโจวซิงฉือว่ะ ..
โจวซิงฉือเป็นดาราที่ข้าพเจ้าปลื้มตั้งแต่ยังเด็กๆ
...พี่โน๊ต อุดม เหมือนโจวซิงฉือ...
...โจวซิงฉือ เหมือนพี่โน๊ต อุดม ...

05
วันนี้วันที่ 5 กุมภา ..
(ช้าไปซะแล้ว)
^__,*

Friday, February 04, 2005

The Dog's Story.

01



02



03



04



05



06



07



08



09



Directed by P'Doy (KIC)

Wednesday, February 02, 2005

ดาว

ในคืนนี้มีดาวเป็นล้านดวง แต่ ...ยุงแม่งโคตรเยอะอีกเช่นกัน



เวลาแหงนหน้ามองไปข้างบน บางคืนก็เห็นดาว บางคืนก็ไม่เห็น
คืนไหนที่เห็น มักจะเห็นดาวดวงนึงสว่างจ้า และดูใหญ่กว่าดาวดวงข้างๆเสมอๆ
เป็นอะไรที่สะดุดตา ทุกครั้งที่มอง จะต้องหยุดสายตาที่นั่นทุกทีสิน่า
แล้วก็คิดไปเองว่า อ้อ ดาวสว่างๆดวงนี้อีกละ
เราจะรู้สึกเหมือนเป็นดาวดวงเดิมกับที่เคยเห็น
ซึ่งจริงๆก็ไม่รู้ว่าเป็นดาวดวงเดิมรึเปล่า

ดาวที่มีเยอะๆเต็มท้องฟ้า
คนเราก็เอามาเติมจินตนาการแล้วมองให้เป็นรูปภาพต่างๆนานา
ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่เคยมองเห็นเป็นแบบนั้นเลยสักที - -'แฮ่ะ แฮ่ะ

การเรียงตัวกันของดาวจนเกิดเป็นภาพต่างๆ เค้าจะเรียกกันว่าเป็นกลุ่มดาว
ในกลุ่มดาวบางกลุ่ม จะมีดาวสุกสว่างในกลุ่มดาวนั้นด้วย
ดาวสุกสว่างก็เลยเป็นจุดสังเกตจุดแรกของการมองหารูปทรงของกลุ่มดาว


อันนี้เป็นกลุ่มดาวลูกไก่ (ในแบบของข้าพเจ้า)

มีตำนานของดาวลูกไก่เค้าว่าไว้ว่า ...
มีพระอินทร์แปลงกายเป็นพระเพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านจึงไปหยุดพักที่บ้านตายายคู่หนึ่ง
ตายายก็เอาอาหารมาถวาย แด่พระอินทร์แปลงกาย พระอินทร์แปลงกายได้พูดกับตายายว่า
จะอยู่ค้างคืนหนึ่ง ตากับยายคิดว่าตอนเช้าจะทำอะไรถวายพระ ตากับยายก็คิดว่ายังมีแม่ไก่
แม่ไก่ได้ยินเข้าก็รู้ว่าตัวเองต้องตายแน่ แต่ก็ยินดีรับชะตากรรมนี้ พอตอนเช้าแม่ไก่ก็ถูกฆ่า
ในขณะนั้นลูกทั้ง 6 ตัวเห็นแม่ไก่ตายลูกไก่จึงกระโดดเข้ากองไฟตายตาม ตากัยยายเศร้าใจมาก
พระอินทร์แปลงกายได้ถามว่าวันนี้ทำไมอาหารถึงได้บริบูรณ์กว่าเมื่อวานนี้ตากัยยายจึงเล่าให้พระอินทร์แปลงกายฟัง
ดังนั้นพระอินทร์จึงเสกให้แม่ไก่และลูกไก่ไปเป็นดาวอยู่กลางท้องฟ้า
ส่วนตากับยายพระอินทร์ให้พรให้ไปเป็นอยู่บนสวรรค์







อันนี้เป็นกลุ่มดาวหมาใหญ่ หรือ Canis Major (CMa)(ในแบบของข้าพเจ้า)

ในกลุ่มดาวนี่มีดาวสุกสว่างชื่อ ซิรีอุส (Sirius) อยู่ด้วย





อันนี้เป็นกลุ่มดาวกระต่ายป่า หรือ Lepus (Lep) (ในแบบของข้าพเจ้า)






อันนี้เป็นกลุ่มดาวคนคู่ หรือ Gemini (Gem) (ในแบบของข้าพเจ้า)




รู้ไว้ใช่ว่า กลุ่มดาวมี 88 กลุ่ม นะจ๊ะ ^__,*

Tuesday, February 01, 2005

จำไว้

01
คนเราตายเมื่อไรก็ได้ (เกือบไปแล้วกรู)

02
เลือกพูดได้นี่นา .. เลือกที่จะพูดในบางอย่าง เลือกที่จะไม่พูดในบางอย่าง
(วันนี้โง่มากเลยที่ตอบอะไรไม่คิด)

Sunday, January 30, 2005

ฯลฯ


เมื่อวาน ไปสอบเพื่อสมัครงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
เค้าเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี มีของว่างรับรองทั้งช่วงสายและช่วงบ่าย
มีเลี้ยงอาหารกลางวัน อย่างหรู ดูอลังการงานสร้างจริงๆ
ช่วงบ่ายที่กะลังนั่งสอบอยู่ ก็มีเสียงถาม "ชาหรือกาแฟคะ?"
โอว โหะ โหะ จะบอกว่า "ไม่อาววว จาสอบบบ จ้า" เจ็แกก็วางถ้วยเปล่าๆลงไปเสียแล้ว
ลงทุนจริงๆ .... ถ้าได้เข้าไปจะใช้งานเยี่ยงทาส ละเปล่าว๊า !?! (ยังคงอยู่ในห้วงคำนึง)

เวลาบ่ายสี่สอบเสร็จ ไปเตร็ดเตร่ เกษตรแฟร์ กะผองเพื่อน
งานเค้าใหญ่จริง ... เดี๊ยนรับรอง !
เดินกันจนหัวแม่ตี_ พองเลย T_T รองเท้ากัดกันทั้งสามคนน่ะ โหะ โหะ

คำเตือน สำหรับผู้ที่ไม่ชอบโดนเซ้าซี้ โดนตื๊อ ไม่ควรเดินไปแถวซุ้มสัตวแพทย์
คุณจะเจอกับพนักงานเชียร์อาหารตื๊อสุดๆ ด้วยรายการอาหารอันพิสดารพันลึก
สึนามิทับทิม , กระต่ายทอดกระเทียมพริกไทย , เนื้อหัน
เค้าจะมาประกบคุณและผองเพื่อน พยายามต้อนเข้าไปให้เห็นสิ่งที่เค้าพยายามจะพรีเซ้นท์
นั่นคือ ภาพคนประมาณ 6-7 คนกะลังฉีดซอสพ่นลงไปบนร่างอันไร้ศรีษะของลูกวัว
ที่โดยเสียบอยู่บนกองไฟ (ประมาณหมูหันน่ะเอง) สำหรับคนที่มีจิตใจเมตตา
อาจรับไม่ได้กับภาพอันน่าสยดสยอง จนต้องรีบเข้าไปลิ้มลอง อ่านะ ล้อเล่น!
เคยได้ยินคำพูดหนึ่งที่ว่า ล้มวัวหนึ่งตัวเลี้ยงคนได้ทั้งหมู่บ้าน แต่อย่างปู ปลา
ต้องเสียไปกี่ชีวิตเพื่อให้คนหนึ่งคนได้อิ่ม ... อันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณ

และแล้วเค้าก็ต้อนพวกเรามาที่ปากทาง มีการเปลี่ยนเด็กเชียร์อาหารคนใหม่
(เป็นการวางแผลที่ล้ำลึกมาก หึ หึ ) เพราะเด็กเชียร์คนนี้มีการลากเข้าไปเลย
"เอ่อ .. น้อง จ๊า พวกเพ่ เจ็บ หัวแม่ตี_ ค่อยๆลาก T_T"

เข้าไปข้างในซุ้ม บรรยากาศดี มีดนตรี มีเวที ประมาณเบียร์การ์เด้นในสวนสาธารธะ
คำเตือนอีกข้อ ของการนั่งกินในสวน ควรเลือกโต๊ะที่ห่างไกลจากรังมดแดง
โดนมาแล้ว ขอบอก ... ย้ายโต๊ะกันแทบไม่ทัน แม่เจ้า! มาเป็นกองทัพมดแดง

"พวกแกกล้ากินกระต่ายกันป๊ะ?"
"เออ น่าลอง"
จึงสั่ง ... กระต่ายทอดกระเทียมพริกไทย แกงส้มชะอมไข่ ข้าวเปล่าสาม น้ำเปล่าสอง น้ำแข็งถังนึง

ได้ลิ้มรสกระต่ายในอีก 15 นาทีต่อมา ...
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากความรู้สึก ... ธรรมดา ...
เหลือเนื้อกระต่ายชิ้นสุดท้ายบนจาน ไม่มีใครกิน
มีหมาน้อยผ่านมากระดิกหางน่ารัก เป็นกันเอง จึงให้เนื้อกระต่ายเป็นรางวัลความน่ารัก
แต่ ... หมาไม่แด_ !! ซะนี่ O_o!

กินเสร็จก็เดินเรื่อยเปื่อย ในโซนต้นไม้
เห็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ต้นละ 20 บาท
อยากซื้อมาเลี้ยงจริงว่ะ เผื่อจะช่วยกินยุงได้บ้าง

พูดถึงต้นไม้ .. หนังสือเล่มหนึ่งกล่าวถึงสุภาษิตจีนไว้ว่า
"ถ้ามีเงิน 2 บาท ให้เอาเงินหนึ่งบาทไปซื้อข้าว อีกบาทนึงซื้อดอกไม้
เพราะสิ่งแรกนั้นให้ชีวิต ในขณะที่สิ่งหลังจะให้เหตุผลของการใช้ชีวิตต่อไป"


ได้เวลากลับบ้านแล้ว ...
ระหว่างทางกลับบ้านเห็นโคมลอย เพราะมีการลอยโคม สวยงามดีจริง
...แสงไฟสีเหลืองส้ม กับพื้นฟ้าสีดำ ดำ ในคืนไร้ดาว ...
(ฉานนเปนอารายปายยยยนี่ -_-!)





แหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ อธิษฐานขอให้ ...
ขอให้......
ขอให้......
ขอให้......
ขอให้......
หายเจ็บหัวแม่ตีนเร็วๆ (ทั้งสามคนเรย)

^___,*

...แล้วฉันก็กลับถึงบ้าน นอนหลับสนิท ลืมความระบมของหัวเม่ตีนนั้นไป...
...เพียงเพื่อจะพบกับความระบมนั้นอีกในรุ่งเช้า แต่ทว่า มันก็ดีขึ้น ...
(โอ้โห! สำบัดสำนวนจริงๆ)